บันทึกการเรียนครั้งที่ 9
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559
เวลา 08.30-11.30 น.
เนื้อหาที่เรียน
นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับ การให้ความรู้ผู้ปกครอง
กลุ่มที่ 1 เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยสำหรับผู้ปกครอง จังหวัดมหาสารคาม
กลุ่มที่ 2 เรื่อง การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทยทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ ด้วยการสอนแบบโฟนิกส์
กลุ่มที่3 เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองกับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา
เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
กลุ่มที่ 4 เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองกับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา
เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
กลุ่มที่ 5 เรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์คุณลักษณะผู้ปกครองกับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง โรงเรียนกุ๊กไก่
งานวิจัยเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองกับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา
เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต
สาขาวิชาเทคโนโลยีการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ปีที่ทำวิจัย พ.ศ.
2554
ผู้วิจัย
สุภาวิณี ลายบัว
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่
1 ศึกษาระดับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยใน 4 ด้าน
คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และสังคม ด้านสติปัญญา ด้านคุณธรรมจริยธรรม
ประเด็นที่
2 ศึกษาระดับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยใน 4 ด้าน คือ
ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และสังคม ด้านสติปัญญา ด้านคุณธรรมจริยธรรม
ประเด็นที่
3
ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองกับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ในสถานศึกษา เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
•เพื่อศึกษาระดับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา
•เพื่อศึกษาระดับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา
•เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกกับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
•ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถนำข้อมูลมาเป็นข้อมูลในการให้ความรู้เพิ่มเติม
หรือจัดกิจกรรม
ที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้ปกครองสามารถพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่างเต็มศักยภาพ
•การวิจัยทำให้ทราบแนวทางในการวางแผน
เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยได้อย่างเหมาะสม
•การวิจัยสามารถนำมาเป็นแนวทางสำหรับหน่วยงานที่จัดการศึกษาระดับอนุบาลศึกษาในการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวางแผน
เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยได้อย่างเหมาะสม
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
1.ขอบเขตด้านประชากร
คือ ผู้ปกครองนักเรียนที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ระดับชั้น1-2 ปีการศึกษา 2553
โรงเรียนในเขต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จำนวน 9 โรงเรียน จำนวนประชากร 1575 คน
2.ขอบเขตด้านเนื้อหา
ผู้วิจัยได้ศึกษากิจกรรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง ในประเด็กสำคัญได้แก่
การฝึกอบรม การประชุมผู้ปกครอง การให้การปรึกษา ห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง
การเยี่ยมบ้าน และศึกษาเรื่องความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
4 ด้าน
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
ตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้น
/ตัวจัดกระทำ
1.การฝึกอบรม
2.การประชุมผู้ปกครอง 3.การให้การปรึกษา 4.ห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง
5.การเยี่ยมบ้าน
ตัวแปรตาม
ความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ทางพัฒนาการด้าน ร่างกาย อารมณ์และสังคม สติปัญญา คุณธรรม จริยธรรม
นิยามศัพท์เฉพาะ
•ผู้ปกครอง หมายถึง พ่อ แม่
ญาติพี่น้อง หรือบุคคลใดก็ตามที่ทำหน้าที่ในการอบรมเลี้ยงดู สั่งสอน
และเสริมพัฒนาการให้แก่เด็กปฐมวัย
•การให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง หมายถึง
การที่โรงเรียนจัดกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้ปกครองในเรื่องที่เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดู
พัฒนาการ
และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยเพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความรู้ความเข้าใจ
•การฝึกอบรม หมายถึง
รูปแบบของการให้ความรู้โดยตรงแก่ผู้ปกครอง
•การให้คำปรึกษา หมายถึง
กระบวนการช่วยเหลือและให้การปรึกษาเป็นรายบุคคล
•ห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง หมายถึง
การจัดห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง ที่ผู้ปกครองใช้ในการค้นหาความรู้
•การเยี่ยมบ้าน หมายถึง
การพบปะผู้ปกครองหรือการจัดเอกสารถึงบ้าน
•ความรู้ของปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
หมายถึง
ความรู้ของผู้ปกครองในการปฏิบัติและดูแลเพื่อสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยให้สมบูรณ์ใน
4 ด้าน
•สถานศึกษา หมายถึง
โรงเรียนในเขตอำเภอคลองหลวง
สมมุติฐานการวิจัย
•1.
ระดับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยมีอยู่ในระดับมาก
•2.
ระดับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยมีอยู่ในระดับมาก
•3.
ระดับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์กับความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ผู้ปกครองนักเรียนที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล1ถึงอนุบาล2ปีการศึกษา
2553 ในสถานศึกษาเขตอำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานีจำนวน1,575คน โดยถือว่านักเรียน 1
คน มีผู้ปกครอง1 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างได้แก่ผู้ปกครองนักเรียนที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล1
ถึงอนุบาล2 ปีการศึกษา2553 ในสถานศึกษาเขตอำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี
โดยการใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่
ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีผู้เรียนตั้งแต่600 คนขึ้นไป จำนวน 9 โรงเรียน ประกอบด้วย
โรงเรียนวัดครู
2502 โรงเรียนชุมชนวัดบางขัน โรงเรียนคลองหนึ่ง(แก้วนิมิตร)
โรงเรียนบุญคุ้มราษฎร์บำรุง โรงเรียนไทยรัฐวิทยา69(คลองหลวง)
โรงเรียนสังข์อ่ำวิทยา โรงเรียนคลองสอง โรงเรียนสามัคคีราษฎร์บำรุง
และโรงเรียนวัดเกิดการอุดม จำนวน306คน ซึ่งได้มาโดยใช้ตารางเครจซีและมอร์แกน(krejcie&morgan,1970:608)
จากนั้นใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน(Multistage
sampling)ดังนี้
•1.
สุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิแบบสัดส่วน(Stratified Proportienate
sampling) โดยแบ่ง ออกเป็นระดับชั้น(strata)
คือระดับชั้นอนุบาล1 และอนุบาล2
•2.
กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างในแต่ละระดับชั้น
โดยการเทียบสัดส่วนจากจำนวนประชากรในแต่ละระดับชั้น
•3.
กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างในแต่ละโรงเรียน
โดยการเทียบสัดส่วนจากจำนวนประชากรในแต่ละโรงเรียน
•4. กำหนดผู้ให้ข้อมูลในแต่ละโรงเรียน
โดยการจับฉลาก
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถามผู้ปกครองที่ผู้วิจัยได้สร้างและพัฒนาขึ้นตามแนวคิดเกี่ยวกับ
พัฒนาการและการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ด้วยการศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร
และการวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 4 ตอน ดังนี้
ตอนที่1
แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามประกอบด้วยเพศ อายุ วุฒิการศึกษา
และรายได้ โดยลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบเลือกตอบ(checklist)
ตอนที่2 แบบสอบถามเกี่ยวกับการ
ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น 5 ด้าน การฝึกอบรม
การประชุมผู้ปกครอง การให้การปรึกษา ห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง การเยี่ยมบ้าน
ในสถานศึกษาเขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
การตอบแบบสอบถามตอนที่2
แบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า(Rating Scale) ของลิเคอร์ท(Liker,1970:107-110)มี
5 ระดับ โดยกำหนดค่าแต่ละระดับ ดังนี้
ระดับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น ระดับคะแนน
มากที่สุด 5
มาก
4
ปานกลาง 3
น้อย
2
น้อยที่สุด 1
•ตอนที่3
แบบสอบถามความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยใน 4ด้าน
ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และสังคม ด้านสติปัญญา
และด้านคุณธรรมจริยธรรมในสถานศึกษาเขต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
•การตอบแบบสอบถามตอนที่3
แบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า(Rating Scale) ของลิเคอร์ท(Liker,1970:107-110)มี
5 ระดับ โดยกำหนดค่าแต่ละระดับ ดังนี้
ระดับความรู้ผู้ปกครองในการ
สร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ระดับคะแนน
มากที่สุด
5
มาก
4
ปานกลาง
3
น้อย
2
น้อยที่สุด
1
•ตอนที่4
เป็นแบบสอบถามปลายเปิดในการสอบถามข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
การดำเนินการวิจัย
1.
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ
ผู้ปกครองนักเรียนที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล1 ถึง อนุบาล 2 ปีการศึกษา
2553 ในสถานศึกษาเขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 9 โรงเรียน ประชากรจำนวน
1,575 คน
2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการตอบแบบสอบถาม
เลือกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนตั้งแต่ 600 คนขึ้นไป จำนวน
9 โรงเรียน
จากนั้นใช้วิธีการสุ่มด้วยการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากการเปรียบเทียบตารางเครจซีและมอร์แกน
(Krejcie&Morgan,1970:608)
ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 306 คน
จากนั้นใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิชนิดที่เป็นสัดส่วน
คือ สุ่มแบบแบ่งชั้น คือระดับชั้นอนุบาล1 และอนุบาล 2
และกำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างในแต่ละระดับชั้นโดยการเทียบสัดส่วนจากจำนวนประชากรในแต่ละระดับชั้น
และกำหนดกลุ่มตัวอย่างในแต่ละโรงเรียน จากนั้นกำหนดผู้ให้ข้อมูลแต่ละโรงเรียน
โดยการจับฉลาก
3.
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม จำนวน 1 ฉบับ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
แบ่งออกเป็น 4 ตอน ประกอบด้วย
- ตอนที่1
แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วยเพศ อาชีพ วุฒิการศึกษา
และรายได้ โดยลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบเลือกตอบ(Checklist)
-ตอนที่2
แบบสอบถามเกี่ยวกับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น 5
ด้าน คือ การฝึกอบรม การประชุมผู้ปกครอง การให้การปรึกษา
ห้องสมุดสำหรับผู้ปกครองและการเยี่ยมบ้าน
-ตอนที่3
แบบสอบถามความรู้ของผู้ปกครองในการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยใน 4 ด้าน คือ
ด้านร่างกาย อารมณ์และสังคม ด้านสติปัญญา และด้านคุณธรรมจริยธรรม
-ตอนที่4
เป็นแบบสอบถามปลายเปิดในการสอบถามข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
สรุปผลการวิจัย
ข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ประกอบอาชีพรับจ้าง และมีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 10,000
บาท
การศึกษาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็ก
ปฐมวัย ในสถานศึกษา เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งผลการวิจัยมีดังนี้
• ด้านการฝึกอบรม
ภาพโดยรวมของการศึกษาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ในสถานศึกษา
ในด้านการฝึกอบรมโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
เมื่อพิจารณาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ด้านการฝึกอบรมเป็นรายประเด็น
พบว่าที่มีค่าสูงสุด เช่น การสร้างวินัยให้กับเด็ก,
การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็ก ฯลฯ โดยครูเป็นผู้ให้ความรู้ในระดับมาก รองลงมาคือ
โรงเรียนเคยมีการจัดการอบรมให้ความรู้แก่แก่ผู้ปกครองเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้
•ด้านการประชุมผู้ปกครอง
ภาพรวมโดยรวมของการศึกษาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ในสถานศึกษา
ในด้านการประชุมผู้ปกครอง เป็นรายประเด็น พบว่ามีค่าสูงสุด คือ
โรงเรียนเคยมีการจัดการปฐมนิเทศผู้ปกครองนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
รองลงมาคือโรงเรียนเคยจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างครูและผู้ปกครองเพื่อดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนร่วมกัน
•ด้านการให้การศึกษา
ภาพโดยรวมของการศึกษาให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ในสถานศึกษา
ในด้านการให้การปรึกษาโดยรวมกันอยู่ในระดับปานกลาง
เมื่อพิจารณาให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยด้านการการปรึกษาเป็นรายประเด็น พบว่ามีค่าสูงสุด
โรงเรียนได้ให้การปรึกษาเมื่อผู้ปกครองมีปัญหาเกี่ยวข้องกับตัวเด็กอยู่ในระดับมาก
•ด้านห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง
ภาพโดยรวมของการศึกษาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง ในสถานศึกษา
ในด้านห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
เมื่อพิจารณาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยด้านห้องสมุดสำหรับผู้ปกครอง
เป็นรายประเด็น พบว่าที่มีค่าสูงสุด
คือโรงเรียนได้จัดมุมหนังสือสำหรับผู้ปกครองโดยมีการจัดเอกสาร
แผ่นพับหรือจดหมายข่าวเพื่อให้ความรู้กับผู้ปกครองอยู่ในระดับปานกลาง
รองลงมาคือโรงเรียนได้มีการจัดสื่ออุปกรณ์, ของเล่น,
หนังสือให้บริการ
•ด้านการเยี่ยมบ้าน
ภาพโดยรวมของการศึกษาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ในสถานศึกษา
ในด้านการเยี่ยมบ้าน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
เมื่อพิจารณาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยด้านดารเยี่ยมบ้านเป็นรายประเด็นพบว่าที่มีค่าสูงสุดได้เคยมีการเยี่ยมบ้านผู้ปกครองอยู่ในระดับมาก
รองลงมาคือโรงเรียนได้มีการจัดตารางเยี่ยมบ้านผู้ปกครองและกำหนดระยะเวลาการเยี่ยมบ้านหรือแจ้งวันเยี่ยมบ้านให้ทราบก่อนล่วงหน้าอยู่ในระดับปานกลาง
สรุปการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
ในสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น
พบว่าที่มีค่าสูงสุดคือการประชุมผุ้ปกครองอยู่ในระดับมาก
รองลงมาคือ การฝึกอบรม อยู่ในระดับมากคือ การให้การปรึกษาอยู่ในระดับปานกลาง
รองลงมาคือ การเยี่ยมบ้านอยู่ในระดับปานกลาง
และห้องสมุดสำหรับผู้ปกครองอยู่ในระดับปานกลาง
ส่งงานออกแบบข่าวสารประจำสัปดาห์
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
การนำเสนออ่านวิจัย ทำให้เราได้ศึกษางานวิจัยที่เราเลือกมา ทำให้เรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น
ประเมินผล
ประเมินตนเอง มีความพร้อมในการนำเสนอ
ประเมินเพื่อน ตั้งใจฟังการนำเสนอ
ประเมินอาจารย์ ให้ความรู้เพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น